กิมจิเป็นการนำผักมาดองไว้ เพราะที่ประเทศเกาหลีในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวมาก ทำให้การเพาะปลูกพืชผักต่างๆเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็น คนเกาหลีจึงได้คิดที่จะหาวิธีเพื่อที่จะถนอมอาหาร เพื่อทดแทนช่วงที่เพาะปลูกไม่ได้ และหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารขงคนเกาหลีก็คือการดองผักด้วยเกลือและนำไปฝังลงในดิน จึงเป็นต้นกำเนิดของ กิมจิ ขึ้นมานั่นเอง
มาดูกันครับว่ากิมจิที่เราจะเลือกซื้อเป็นของฝากจากเกาหลีมีกิมจิแบบไหนกันบ้าง
นาบัคกิมจิ ( Nabak Kimchi )
นาบัคกิมจิ เป็นกิมจิที่ทานได้ตลอดปีเป็นการนำส่วนผสมของหัวไชเท้าจีนกับผักกาดขาวและน้ำสต๊อคกิมจิ นาบัคกิมจิ จะเป็นกิมจิที่มีรสชาดที่เผ็ดเล็กน้อยแต่ความเผ็ดก็แฝงไปด้วยความอร่อยครับ
กั๊กดูกิ ( Kkadugi )
เป็นกิมจิที่ใช้หัวไชเท้าเป็นวัตถุดิบหลัก หัวไชเท้าในประเทศเกาหลีนั้นสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีตลอดทั้งปี แต่ว่าหัวไชเท้าที่ปลูกในช่วงฤดูหนาวจะมีรสหวานและเนื้อแน่นมากกว่าหัวไชเท้าในฤดูอื่นๆ
แบชูกิมจิ ( Baechu Kimchi )
เป็นกิมจิผักกาดขาวและเป็นกิมจิที่รู้จักกันมากที่สุดในบรรดากิมจิ เพราะคนเกาหลีก็จะรู้จักเกือบทุกชนิดแต่สำหรับ แบชูกิมจิ เป็นกิมจิที่รู้จักกันของนานาชาติ เป็นการผสมผสานกันระหว่าง กระเทียม พริกแดง ขิง และน้ำซุบจากปลากระดัก และผักกาดขาวที่ใช้ควรจะต้องเป็นผักกาดขาวจีนเพราะจะทำให้กินจิมีรสจัด ถ้าเป็นผักกาดขาวชนิดอื่นกิมจิก็จะมีรสชาดอ่อนลงไป
โออี โซบักกิ ( OI Sobaki )
เป็นกิมจิแตงกวายัดไส้ นิยมทานกันในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งทานแล้วทำให้เกิดความสดชื่นจากความหอมของแตงกวา
การเลือกซื้อกิมจิ
จะซื้อเป็นของฝากจากเกาหลีทั้งทีก็ต้องมีการเลือกกันหน่อย หากต้องการความสดและเป็นธรรมชาติควรซื้อกิมจิในวันที่คุณจะเดินทางกลับหรือซื้อก่อนวันที่จะเดินทางกลับซัก 1 วัน เพราะกิมจิเก็บรักษาได้นานประมาณ 3 เดือนเท่านั้น แต่หากเราแช่ไว้ในช่องฟิสของตู้เย็นก็จะเก็บรักษาได้นานขึ้น
เป็นของฝากจากเกาหลีที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยนะครับสำหรับกิมจิ ส่วนเจ้าไหนอร่อยไม่อร่อยก็ลองชิมกันนะครับ ซื้อแล้วก็แพคดีๆปิดฝาให้มิดชิด คิดว่าน่าจะเป็นของฝากจากเกาหลีที่คงจะถูกใจใครหลายๆคนนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น